โรงเรียนบ้านท่านุ่น

หมู่ที่ 7 บ้านบ้านท่านุ่น ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 82140

ความรู้รอบตัวเรื่องการทำcpr ขั้นตอนและวิธีการช่วยเหลือเบื้องต้น

ความรู้รอบตัวเรื่องการทำcprขั้นตอนและวิธีการช่วยเหลือเบื้องต้น

ความรู้รอบตัวเรื่องการทำcpr ย่อมาจาก Cardiopulmonary Resuscitation ซึ่งเป็นกระบวนการช่วยชีวิตที่ใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อมีผู้ที่เสียชีวิตหรือหมดสติในผลักหรือหัวใจหยุดเต้น กระบวนการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนเข้าสู่สมองและอวัยวะสำคัญอื่นๆ ในร่างกายยังคงดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพได้

CPR ประกอบด้วยการกดหนีบหัวใจและการให้ลมหายใจแก่ผู้ประสบเหตุ การกดหนีบหัวใจเป็นการกดลงบนหน้าอกของผู้ประสบเหตุเพื่อสร้างความดันในหัวใจและกระตุ้นให้หัวใจเต้น ในขณะเดียวกันการให้ลมหายใจเป็นการใช้ปากหรือหน้ากากที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ลมหายใจเข้าสู่ระบบหายใจของผู้ประสบเหตุ

CPR เป็นทักษะที่สำคัญในการช่วยชีวิตและสามารถเรียนรู้ได้ในคอร์สการฝึกอบรมที่ได้รับการรับรอง เมื่อมีการกระทำ CPR ทันเวลาและถูกต้อง มีโอกาสที่ดีกว่าในการรักษาชีวิตของผู้ประสบเหตุในกรณีฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและการหายใจ

cprมีต้นกำเนิดวิธีการมาจากไหน

cpr มีต้นกำเนิดวิธีการมาจากไหน

CPR หรือ Cardiopulmonary Resuscitation เป็นวิธีการช่วยชีวิตที่มีต้นกำเนิดมาจากงานวิจัยและพัฒนาของนักแพทย์และนักวิจัยในหลายทศวรรษที่ผ่านมา การพัฒนาของ CPR ไม่ได้เกิดขึ้นในหนึ่งระยะเวลาเดียว แต่เป็นผลสะสมของการวิจัยทางการแพทย์และประสบการณ์ที่สร้างขึ้นโดยชุมชนทางการแพทย์และการกู้ชีพตลอดเวลา

บางส่วนของ CPR ได้รับการพัฒนาจากการวิจัยเกี่ยวกับการช่วยชีวิตในสงครามในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะการดูแลผู้บาดเจ็บทางสงครามและการเร่งด่วนในกรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในสนามรบ การนำเสนอการใช้การกดหนีบหัวใจในกรณีฉุกเฉินก็เริ่มต้นขึ้นในบางสงครามนี้

การศึกษาและการวิจัยทางการแพทย์เกี่ยวกับการช่วยชีวิตในกรณีของหัวใจหยุดเต้นและหายใจหยุดได้รับการพัฒนาและปรับปรุงต่อเนื่องตลอดศตวรรษที่ 20 โดยมีการนำเสนอแนวทางการปฏิบัติ CPR ที่ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงเวลานี้ เช่น American Heart Association AHA ได้เผยแพร่แนวทาง CPR ในครั้งแรกในปี 1960 และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตามการวิจัยและการพัฒนาในด้านการช่วยชีวิต

ดังนั้น CPR ไม่ได้มีคนคิดค้นเป็นวิธีการเดียว แต่เป็นผลสร้างขึ้นจากการพัฒนาทางการแพทย์ให้และการกู้ชีพในระยะเวลานาน เพื่อช่วยรักษาชีวิตของผู้ที่เสียชีวิตหรือหมดสติในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและการหายใจ

cprมีขั้นตอนอย่างไร

cpr มีขั้นตอนอย่างไร

CPR Cardiopulmonary Resuscitation มีขั้นตอนที่สำคัญในการช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุที่หัวใจหยุดเต้นหรือหายใจหยุดไป ขั้นตอนหลักประกอบด้วยการกดหนีบหัวใจและการให้ลมหายใจ นี่คือขั้นตอนพื้นฐานของ CPR

1. ตรวจสอบสถานการณ์ ให้คุณตรวจสอบสถานการณ์ที่อยู่รอบตัวเพื่อความปลอดภัย แต่อย่าลืมดูว่าผู้ประสบเหตุอยู่ในสถานการณ์อันตรายหรือไม่ ถ้าสถานการณ์ไม่ปลอดภัย ให้ใช้การปลอดภัยก่อนที่จะเข้าใกล้ผู้ประสบเหตุ

2. เรียกขอความช่วยเหลือ หลังจากตรวจสอบสถานการณ์และเข้าใกล้ผู้ประสบเหตุ ให้เรียกขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น หรือให้ใครบางคนโทรเบอร์ฉุกเฉินเพื่อขอความช่วยเหลือจากบริการกู้ชีวิต 911 หรือหมายเลขฉุกเฉินในประเทศของคุณ

3. ตรวจสอบความรู้สึกและการหายใจ คุณต้องตรวจสอบว่าผู้ประสบเหตุมีการหายใจหรือไม่ โดยการนำหน้าผู้ประสบเหตุมาใกล้ปากและหูของผู้ประสบเหตุแล้วฟังและรับรู้เสียงหายใจ หากผู้ประสบเหตุไม่หายใจหรือหายใจไม่ปกติ หายใจหยุด ให้ดำเนินการ CPR

4. การกดหนีบหัวใจ ใช้ลำตัวของมือ ไม่ใช้นิ้วของคุณ วางลงบนกลางหน้าอกของผู้ประสบเหตุ และกดหนีบหัวใจลงไปลงมาในอัตรา 100-120 ครั้งต่อนาที ใช้น้ำหนักของร่างกายของคุณในการกดหนีบและให้ขณะร่างกายของคุณยกขึ้นจากหน้าอกเมื่อคุณปล่อยแรงดัน

5. การให้ลมหายใจ หากคุณถูกฝึกให้ลมหายใจแก่ผู้ประสบเหตุ ให้ทำการให้ลมหายใจ 2 ครั้งหลังจากการกดหนีบ ใช้หน้ากากหรือปากในการให้ลมหายใจ แต่ถ้าคุณไม่รู้ว่าผู้ประสบเหตุเป็นโรคติดเชื้อหรือไม่ ให้เว้นการให้ลมหายใจและทำเพียงการกดหนีบหัวใจเท่านั้น

6. ดำเนินการตามรอบ ดำเนินการ CPR โดยต่อเนื่อง ครั้งละ 30 การกดหนีบหัวใจและ 2 การให้ลมหายใจ หากมีผู้ช่วยเข้ามา สามารถสลับกันในการทำ CPR เพื่อลดความเมื่อยล้า

7. ดำเนินการ CPR ไปเรื่อยๆ หรือจนกว่าความช่วยเหลือจากบริการกู้ชีวิตจะมาถึง หรือผู้ประสบเหตุจะกลับมามีการหายใจและหัวใจเต้นอยู่แบบปกติ

8. หากผู้ประสบเหตุกลับมามีการหายใจและหัวใจเต้น หากผู้ประสบเหตุกลับมามีการหายใจและหัวใจเต้นอยู่แบบปกติ ให้หยุดทำ CPR แต่ยังคงดูแลผู้ประสบเหตุจนกว่าความช่วยเหลือจากบริการกู้ชีวิตจะมาถึง

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนพื้นฐานของ CPR แต่อาจมีการปรับปรุงหรือการให้ลมหายใจและการกดหนีบหัวใจในบางสถานการณ์ที่แตกต่างไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คุณควรได้รับการฝึกฝนและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากองค์กรทางการแพทย์หรือองค์กรที่เชี่ยวชาญในการช่วยชีวิตเพื่อเรียนรู้วิธีการ CPR ที่ถูกต้องและปฏิบัติตามแนวทางล่าสุด

cprมีความสำคัญอย่างไร

cpr มีความสำคัญอย่างไร

ความรู้รอบตัวเรื่องการทำcpr Cardiopulmonary Resuscitation มีความสำคัญอย่างมากในการช่วยชีวิตในกรณีฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและการหายใจ ดังนี้คือความสำคัญของ CPR

1. เพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตCPR ช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ประสบเหตุที่หัวใจหยุดเต้นหรือหายใจหยุดไป โดยการให้การกดหนีบหัวใจและการให้ลมหายใจช่วยให้ร่างกายของผู้ประสบเหตุยังคงได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นในการรอดชีวิต

2. รักษาสมองและอวัยวะสำคัญCPR ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปยังสมองและอวัยวะสำคัญอื่นๆ ซึ่งช่วยป้องกันความเสียหายต่อสมองและอวัยวะสำคัญในระหว่างการหยุดหัวใจหรือการหายใจ

3. ระยะเวลาเป็นปัจจุบันมีความสำคัญCPR ต้องดำเนินการทันทีหลังจากหัวใจหยุดเต้นหรือหายใจหยุดไป เพราะร่างกายมีเวลาจำกัดในการรับออกซิเจนและสารอาหาร การเริ่ม CPR ทันทีที่เกิดฉุกเฉินเสมอมีความสำคัญเพื่อรักษาชีวิตและลดความเสียหาย

4. การเตรียมความพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน การรู้วิธีการทำ CPR ช่วยเตรียมความพร้อมให้คุณในกรณีฉุกเฉินและทำให้คุณสามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างมั่นใจ เพราะการตอบสนองทันทีและการดำเนินการ CPR ที่ถูกต้องสามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ในการช่วยชีวิต

5. สร้างโอกาสให้บริการกู้ชีวิตมาถึง การดำเนินการ CPR ในระหว่างรอความช่วยเหลือจากบริการกู้ชีวิตมีความสำคัญ เพราะมันช่วยรักษาชีวิตของผู้ประสบเหตุจนกว่าบริการกู้ชีวิตจะมาถึงและเร็วขึ้น

การเรียนรู้และฝึกฝนการทำ CPR เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน เพราะการฉุกเฉินสามารถเกิดขึ้นทุกที่และทุกเมื่อ และความรู้ในการทำ CPR สามารถช่วยให้คุณเป็นบุคคลที่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบเหตุในกรณีเร่งด่วนได้โดยมั่นใจและมีประสิทธิภาพ

การทำcprมีกี่แบบ

การทำ cpr มีกี่แบบ

การทำ CPR Cardiopulmonary Resuscitation มีหลายแบบขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้ที่ทำ CPR ดังนี้

1. CPR พื้นฐาน Basic Life Support BLS นี่คือรูปแบบที่สำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์หรือกู้ชีวิตมืออาชีพ มักมีขั้นตอนหลักที่ประกอบด้วยการกดหนีบหัวใจและการให้ลมหายใจ หากมีความเชี่ยวชาญในการให้ลมหายใจ ด้วยอัตราส่วนที่แนะนำ

2. CPR สำหรับกู้ชีวิตมืออาชีพ Professional CPR นี่คือรูปแบบที่ใช้โดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลสุขภาพหรือกู้ชีวิตมืออาชีพ เช่น นักแพทย์ พยาบาล หรือผู้ปฏิบัติงานในสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิต รูปแบบนี้อาจมีขั้นตอนเพิ่มเติมและใช้เครื่องมืออุปกรณ์เพิ่มเติมเช่น AED Automated External Defibrillator เพื่อช่วยในการกดหนีบหัวใจและการให้การช่วยชีวิตมากขึ้น

3. CPR สำหรับเด็กและทารก รูปแบบนี้เน้นการทำ CPR สำหรับเด็กและทารก เนื่องจากการช่วยชีวิตในเด็กและทารกต่างมีความแตกต่างจากผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความกดอย่างอ่อนโยนบนหนีบหัวใจหรือการให้ลมหายใจที่ถูกต้อง

4. CPR สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในน้ำ รูปแบบนี้เน้นการทำ CPR ในน้ำ เช่น ในกรณีของนักว่ายน้ำที่เสียชีวิตหรือผู้ป่วยที่จมน้ำ มีขั้นตอนเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสิ่งแวดล้อมที่น้ำ

5. CPR สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลพิเศษ ในบางกรณี การทำ CPR ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสถานการณ์หรือสิ่งแวดล้อมที่แตกต่าง ตัวอย่างเช่น การทำ CPR ในสถานที่จำกัดเช่น ในรถยนต์หรือบนบันได หรือในกรณีที่ผู้ป่วยมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ติดตัว เป็นต้น

สำหรับการทำ CPR ควรให้ความสำคัญกับการอบรมและฝึกฝนเพื่อรู้วิธีการให้การช่วยเหลือที่ถูกต้องและปฏิบัติตามแนวทางล่าสุด การรู้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการช่วยชีวิตของผู้ประสบเหตุและลดความเสียหายในกรณีฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและการหายใจ

CPR หรือCardiopulmonary Resuscitation เป็นกระบวนการช่วยชีวิตที่สำคัญในกรณีฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและการหายใจ มันช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ประสบเหตุที่หัวใจหยุดเต้นหรือหายใจหยุดไป โดยการให้การกดหนีบหัวใจและการให้ลมหายใจ หากมีความเชี่ยวชาญในการให้ลมหายใจ การเรียนรู้และฝึกฝน CPR เป็นสิ่งสำคัญเพื่อเตรียมความพร้อมในกรณีฉุกเฉิน การทำ CPR ทันทีที่เกิดฉุกเฉินเสมอมีความสำคัญเพราะเวลามีความสำคัญในการรับออกซิเจนและสารอาหาร รู้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตและลดความเสียหาย การอบรมและการฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรู้วิธีการทำ CPR ที่ถูกต้องและปฏิบัติตามแนวทางล่าสุด เพื่อให้คุณสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบเหตุในกรณีเร่งด่วนได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำcpr
  • CPR มีกี่ขั้นตอนหลัก
    • CPR มี 3 ขั้นตอนหลัก คือ ตรวจสอบสถานการณ์และเรียกขอความช่วยเหลือ ตรวจสอบความรู้สึกและการหายใจ และ การกดหนีบหัวใจและการให้ลมหายใจ หากมีความเชี่ยวชาญในการให้ลมหายใจ
  • CPR ควรเริ่มต้นอย่างไร
    • CPR ควรเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบสถานการณ์และเรียกขอความช่วยเหลือจากบริการกู้ชีวิต หากมีผู้ช่วยในสถานที่ใกล้เคียง ให้เรียกให้เข้ามาช่วยด้วย
  • การกดหนีบหัวใจใน CPR ต้องทำอย่างไร
    • ใน CPR ควรใช้ลำตัวของมือวางลงบนกลางหน้าอกของผู้ประสบเหตุและกดหนีบหัวใจลงไปลงมาในอัตราส่วน 100-120 ครั้งต่อนาที
  • การให้ลมหายใจใน CPR ทำอย่างไร
    • หากมีความเชี่ยวชาญในการให้ลมหายใจ ให้ทำการให้ลมหายใจ 2 ครั้งหลังจากการกดหนีบหัวใจ โดยใช้หน้ากากหรือปาก แต่ถ้าไม่รู้ว่าผู้ประสบเหตุเป็นโรคติดเชื้อหรือไม่ ให้เว้นการให้ลมหายใจและกลับไปกดหนีบหัวใจ
  • ใครสามารถทำ CPR ได้
    • ใครก็สามารถทำ CPR ได้ แม้ไม่มีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ การทำ CPR ในระดับพื้นฐานสามารถช่วยให้ผู้ประสบเหตุรอดชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความที่น่าสนใจ : ความรู้ทั่วไปเรื่องงูเขียวพระอินทร์ วิธีการรักษาหากถูกงูเขียวพระอินทร์กัด

บทความล่าสุด